ทำไม เบนจามิน เซสโก้ ถึงเป็นเป้าหมายทองคำของ แมนฯ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล?
ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปี 2025 ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยข่าวลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่สโมสรใหญ่ต่างก็พยายามเสริมทัพเพื่อเป้าหมายของตนเอง หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดและตกเป็นเป้าหมายของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คือ เบนจามิน เซสโก้ (Benjamin Sesko) กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงวัย 22 ปีจาก แอร์เบ ไลป์ซิก
การที่ทั้งสองสโมสรแสดงความสนใจอย่างจริงจังในตัวเซสโก้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะคุณสมบัติที่โดดเด่น ศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด และความเหมาะสมทางแท็กติกที่เขาสามารถนำมาสู่ทีมได้
เบนจามิน เซสโก้ ดาวยิงแห่งอนาคตที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว
ก่อนจะไปดูว่าทำไมสองสโมสรนี้ถึงอยากได้ตัวเขา เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า เซสโก้ มีดีอะไรถึงเป็นที่หมายปองของหลายๆ ทีม
อายุ: 22 ปี (ข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025) ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเติบโตและพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพ
ส่วนสูง: ประมาณ 195 เซนติเมตร ทำให้เขามีความได้เปรียบทางกายภาพอย่างมากในเกมรุก โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ
การจบสกอร์ที่เฉียบคม: เซสโก้มีสถิติการทำประตูที่น่าประทับใจกับไลป์ซิก ในฤดูกาล 2024/2025 เขายิงไป 13 ประตู ในบุนเดสลีกาจาก 33 นัด (เป็นตัวจริง 30 นัด) และอีก 4 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จาก 8 นัด ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการทำประตูในลีกระดับสูงและเวทียุโรป
ความเร็วและพละกำลัง: แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่เซสโก้มีความเร็วและพละกำลังที่น่าทึ่ง ทำให้เขาสามารถเอาชนะกองหลังได้ทั้งในจังหวะวิ่งทะลุช่องและดวลตัวต่อตัว
เทคนิคการครองบอลและการเล่นลูกกลางอากาศ: เขามีทักษะการครองบอลที่ดี สามารถเก็บบอลและสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ นอกจากนี้ ยังมีลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม สามารถใช้ส่วนสูงให้เป็นประโยชน์ในการทำประตูและเล่นลูกตั้งเตะ
Work Rate และการเพรสซิ่ง: เซสโก้เป็นกองหน้าที่ขยัน สามารถลงมาช่วยไล่บอลและเพรสซิ่งคู่แข่งในแดนหน้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับทีมในพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน
ทำไม แมนฯยูไนเต็ด ถึงอยากได้ตัว เบนจามิน เซสโก้?
หลังจากฤดูกาล 2024/2025 ที่จบลงด้วยอันดับ 15 ในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของกุนซือคนใหม่อย่าง รูเบน อโมริม กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงและเสริมทัพครั้งใหญ่ เพื่อเป้าหมายในการกลับมาสู่จุดสูงสุด และการได้เซสโก้มาร่วมทีมจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในแนวรุกของพวกเขา
อนาคตของ ราสมุส ฮอยลุนด์: แม้ ราสมุส ฮอยลุนด์ จะเป็นกองหน้าที่มีศักยภาพ แต่เขายังอยู่ในช่วงพัฒนาและยังไม่สามารถแบกภาระการทำประตูของทีมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีข่าวว่าฮอยลุนด์อาจย้ายออกไปตามที่มีรายงานบางส่วน ทำให้ยูไนเต็ดต้องการกองหน้าตัวเป้าที่มีประสบการณ์และพร้อมใช้งานในทันที
การขาดผู้เล่นประเภท No.9 ที่ครบเครื่อง: แมนฯ ยูไนเต็ด มักจะขาดกองหน้าที่สามารถเก็บบอล, สร้างพื้นที่, และจบสกอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ เซสโก้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แท็กติก 3-4-2-1 / 4-3-3: รูเบน อโมริม มักจะใช้ระบบที่มีกองหน้าตัวเป้าเป็นแกนหลักในแนวรุก โดยเน้นการเคลื่อนที่, การเพรสซิ่งสูง, และการโจมตีจากด้านข้าง เซสโก้ที่มีทั้งความเร็ว พละกำลัง และการจบสกอร์ จะเป็นผู้เล่นที่เหมาะกับปรัชญาของอโมริมอย่างยิ่ง
การสร้างสมดุลในแนวรุก: แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มีการเสริมทัพในแนวรุกแล้วด้วย มาเธอุส คุนญ่า (จากวูล์ฟส์) และ ไบรอัน เอ็มเบอูโม (จากเบรนท์ฟอร์ด) การมีเซสโก้เข้ามา จะทำให้แนวรุกมีความหลากหลายและอันตรายมากขึ้น เขาสามารถเล่นร่วมกับ คุนญ่า และ เอ็มเบอูโม ได้อย่างลงตัว
การทดแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด: การที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ย้ายไปบาร์เซโลนาแบบยืมตัว (และมีข่าวว่าอาจย้ายขาด) ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการผู้เล่นในแนวรุกมาทดแทน การมาของเซสโก้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมในตำแหน่งกองหน้า แต่ยังเพิ่มมิติในการเล่นโดยรวม
โปรเจกต์ของสโมสรที่น่าสนใจ: มีรายงานว่า เซสโก้ “ประทับใจ” กับโปรเจกต์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำเสนอ แม้จะไม่มีฟุตบอลยุโรปให้ลงเล่นในฤดูกาล 2025/2026 ก็ตาม การที่ คริสโตเฟอร์ วิเวลล์ (ผู้อำนวยการด้านการจัดหานักเตะของยูไนเต็ด) ซึ่งเคยทำงานในกลุ่ม Red Bull รู้จักและชื่นชมเซสโก้เป็นอย่างดี ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสนใจของยูไนเต็ดนั้นจริงจัง
ทำไม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ถึงอยากได้ตัว เบนจามิน เซสโก้?
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มทุนซาอุฯ (PIF) กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมเพื่อก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของยุโรป และการได้กลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งในฤดูกาล 2025/2026 ทำให้พวกเขาต้องการเสริมทัพเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น
ข่าวลือการย้ายทีมของอิซัค: มีข่าวลือหนาหูอย่างต่อเนื่องว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าตัวหลักของนิวคาสเซิล ได้แจ้งความประสงค์ที่จะพิจารณาทางเลือกในการย้ายทีม โดยมีลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในสโมสรที่แสดงความสนใจอย่างจริงจัง หากอิซัคย้ายออกไป นิวคาสเซิลย่อมต้องการกองหน้าตัวเป้าเข้ามาทดแทนในทันที
เซสโก้คือตัวตายตัวแทนที่สมบูรณ์แบบ: เซสโก้มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับอิซัค ทั้งความสูง, ความเร็ว, และความสามารถในการทำประตู ทำให้เขาเป็นตัวตายตัวแทนที่เหมาะสมที่สุดหากอิซัคจากไป
ลดภาระของ คัลลัม วิลสัน: แม้ คัลลัม วิลสัน จะเป็นกองหน้าที่มีประสบการณ์และทำประตูได้ แต่เขามักจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถลงสนามได้อย่างสม่ำเสมอ การมีเซสโก้เข้ามาจะช่วยลดภาระของวิลสัน และเพิ่มตัวเลือกในตำแหน่งกองหน้า
การแข่งขันในแนวรุก: การมีกองหน้าคุณภาพสูงสองคนจะสร้างการแข่งขันภายในทีม และทำให้นิวคาสเซิลมีตัวเลือกในการปรับเปลี่ยนแท็กติก หรือสลับกันลงสนามเพื่อรักษาความสดของนักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเล่นในหลายรายการ
บทเรียนจากฤดูกาลที่ผ่านมา: นิวคาสเซิลเคยมีประสบการณ์ในแชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว (ในฤดูกาล 2023/2024) แต่ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลักและการขาดความลึกของทีม การเสริมทัพในแนวรุกด้วยนักเตะอย่างเซสโก้ จะช่วยให้พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับโปรแกรมการแข่งขันที่หนักหน่วงในยุโรป
ดึงดูดนักเตะด้วย UCL: การที่นิวคาสเซิลสามารถเสนอโอกาสในการลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับเซสโก้ได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการดึงดูดนักเตะ เมื่อเทียบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่มีฟุตบอลยุโรปให้ลงเล่นในฤดูกาลหน้า
อุปสรรคและความท้าทายในการคว้าตัว เบนจามิน เซสโก้
แม้จะมีความสนใจอย่างจริงจัง แต่การคว้าตัวเบนจามิน เซสโก้ ไม่ใช่เรื่องง่าย และมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ
ค่าตัวที่สูงลิบลิ่ว: แอร์เบ ไลป์ซิก ทราบดีถึงศักยภาพของเซสโก้ และมีรายงานว่าพวกเขาตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 64-69 ล้านปอนด์ (ประมาณ 75-80 ล้านยูโร) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควรสำหรับทั้งสองสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคำนึงถึงกฎ Financial Fair Play (FFP)
การแข่งขันจากสโมสรอื่น: นอกเหนือจากแมนฯ ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล ยังมีสโมสรชั้นนำอื่นๆ ในยุโรปที่จับตาดูเซสโก้อยู่ เช่น เชลซี, อาร์เซนอล (เคยให้ความสนใจก่อนได้วิคเตอร์ กียอเคเรส) และแม้กระทั่งทีมจากซาอุฯ ที่เคยยื่นข้อเสนอแต่ถูกปฏิเสธไปแล้ว การแข่งขันที่สูงนี้จะทำให้ค่าตัวและการเจรจามีความซับซ้อนมากขึ้น
ความประสงค์ของนักเตะ: แม้จะมีข่าวว่าเซสโก้ประทับใจโปรเจกต์ของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่การตัดสินใจสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับเขาและเอเย่นต์ของเขาอย่างเต็มที่ เขาเคยปฏิเสธแมนฯ ยูไนเต็ดมาแล้วในปี 2023 โดยให้เหตุผลว่าต้องการย้ายไปอยู่กับทีมที่มีสไตล์การเล่นคล้ายกันกับซัลซ์บวร์ก (ซึ่งคือไลป์ซิก) ดังนั้น การโน้มน้าวใจเซสโก้ให้ย้ายมายังพรีเมียร์ลีกจึงเป็นสิ่งสำคัญ
สถานะของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค (สำหรับนิวคาสเซิล): หากอิซัคไม่ย้ายออกจากทีม นิวคาสเซิลอาจจะมองว่าการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อกองหน้า “หมายเลขสอง” นั้นไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่านิวคาสเซิลต้องการเซ็นเซสโก้ “ถ้า” อิซัคย้ายออกไป ซึ่งทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อน
ใครจะได้ไป ปัจจัยชี้ขาด
การแข่งขันแย่งชิงตัว เบนจามิน เซสโก้ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยชี้ขาดหลายประการ:
เงินทุน: สโมสรใดพร้อมที่จะทุ่มเงินตามที่ไลป์ซิกต้องการ และสามารถจ่ายค่าเหนื่อยที่น่าพอใจให้กับนักเตะได้
โปรเจกต์และแผนการเล่น: สโมสรใดสามารถนำเสนอ “โปรเจกต์” ที่น่าสนใจ และให้บทบาทที่ชัดเจนกับเซสโก้ในแผนการเล่นของทีม
ฟุตบอลยุโรป: การที่นิวคาสเซิลสามารถเสนอโอกาสในการลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือแมนฯ ยูไนเต็ด
การบริหารความสัมพันธ์: ทีมใดสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวนักเตะและเอเย่นต์ของเขาได้ดีกว่า ก็จะมีโอกาสคว้าตัวไปได้มากยิ่งขึ้น
การขายนักเตะของทีม: สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด การได้ตัวเซสโก้ อาจขึ้นอยู่กับการขายนักเตะบางคนออกไปก่อน เช่น เจดอน ซานโช่, อันโตนี่, หรือแม้แต่ ราสมุส ฮอยลุนด์ เพื่อระดมทุน
ดาวยิงแห่งอนาคตที่พร้อมสร้างความแตกต่าง
เบนจามิน เซสโก้ คือกองหน้าที่มีคุณสมบัติครบเครื่องและศักยภาพสูงที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในดาวยิงชั้นนำของยุโรปในอนาคตอันใกล้ ด้วยสถิติการทำประตูที่น่าประทับใจและสไตล์การเล่นที่เข้ากับฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่น่าแปลกใจที่ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ต่างก็ต้องการตัวเขามาเสริมทัพอย่างจริงจัง
สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด เขาคือส่วนเติมเต็มที่สำคัญในแนวรุกของรูเบน อโมริม เพื่อเป้าหมายในการกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ส่วนสำหรับนิวคาสเซิล เขาคือตัวตายตัวแทนที่สมบูรณ์แบบหาก อเล็กซานเดอร์ อิซัค ย้ายออกไป และเป็นการเพิ่มความลึกให้กับทีมเพื่อการแข่งขันในเวทียุโรป
การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตัวเซสโก้จะเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าติดตามที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยค่าตัวที่สูงลิบลิ่วและการแข่งขันที่ดุเดือด สโมสรใดที่สามารถปิดดีลนี้ได้ จะได้ครอบครองดาวยิงแห่งอนาคตที่พร้อมจะสร้างความแตกต่างให้กับทีม และเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
