กลยุทธ์เสริมทัพแบบรัดกุมของนาโปลี เมื่อความคุ้มค่ากลายเป็นหัวใจของการล่าแชมป์
หากเราย้อนมองความสำเร็จของนาโปลีในช่วงทศวรรษหลัง จะเห็นว่าสโมสรแห่งนี้ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่ใช้เงินถลุงตามแบบฉบับเรอัล มาดริด หรือเชลซี หากแต่เป็นทีมที่สร้างความสำเร็จจากการวางกลยุทธ์เสริมทัพแบบรัดกุม คุ้มค่า และลุ่มลึกทางฟุตบอลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังปี 2020 เป็นต้นมา ซึ่งเห็นได้ชัดจากการคว้าสคูเด็ตโต้ในฤดูกาล 2022/23 ที่เป็นผลพวงจากการลงทุนอย่างชาญฉลาด และบริหารทรัพยากรอย่างมีระบบ
ทุนไม่มาก แต่ใช้เป็น
นาโปลีไม่ใช่สโมสรที่มีทุนมหาศาลเมื่อเทียบกับยูเวนตุส อินเตอร์ หรือเอซี มิลาน พวกเขาจึงต้องพึ่งพาความแม่นยำในการซื้อขาย มากกว่าการทุ่มซื้อแบบสาดกระสุน
สโมสรเน้นหานักเตะที่ “ยังไม่พีค” แต่มีศักยภาพสูง เช่น วิคเตอร์ โอซิมเฮน, ควิชา ควารัตสเคเลีย หรือคาลิดู คูลิบาลี ที่ล้วนถูกดึงตัวมาก่อนที่จะโด่งดัง โดยค่าตัวในช่วงแรกมักจะอยู่ในระดับที่จับต้องได้ จากนั้นนำมาขัดเกลาในระบบการเล่นที่ออกแบบมาอย่างดี การซื้อขายลักษณะนี้ทำให้ทีมสามารถหมุนเวียนกำไรกลับมาเสริมทีมใหม่อย่างต่อเนื่อง
ไม่พึ่งสตาร์...แต่สร้างสตาร์
หนึ่งในจุดแข็งของนาโปลีคือการ “ไม่ยึดติดกับชื่อเสียง” ของนักเตะ หากแต่ดูที่ความเหมาะสมกับระบบและบุคลิกของทีม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การดึง ควารัตสเคเลีย มาจากลีกจอร์เจีย ด้วยค่าตัวเพียง 10 ล้านยูโร แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดของยุโรป
นาโปลีเข้าใจว่า การสร้างนักเตะให้เป็นสตาร์จากศูนย์นั้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าในระยะยาว ทั้งในแง่กีฬาและเศรษฐกิจ มากกว่าการซื้อสตาร์ที่มีค่าตัวและค่าเหนื่อยแพงลิ่วอยู่แล้ว
บทบาทของผู้อำนวยการกีฬา
การแต่งตั้ง จิโอวานนี่ มันนา เข้ามาเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ในปี 2024 ถือเป็นการเสริมความแม่นยำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล เขาคืออดีตหัวหน้าฝ่ายสเก๊าต์ของยูเวนตุส ที่มีความสามารถในการประเมินศักยภาพนักเตะอย่างแม่นยำ และเชี่ยวชาญในตลาดยุโรป
การที่นาโปลีเลือกใช้คนที่มีภูมิหลังแบบมันนา แทนที่จะเลือกอดีตนักเตะดังหรือผู้บริหารที่เน้นภาพลักษณ์ สะท้อนว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพมากกว่าการตลาด
แผนใหม่ภายใต้คอนเต้ เสริมแบบมีจุดประสงค์
การแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2024/25 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยคอนเต้เป็นโค้ชที่ต้องการผู้เล่นที่เหมาะสมกับระบบมากกว่าชื่อเสียง
ดังนั้น การเสริมทัพในยุคคอนเต้จะเน้นไปที่นักเตะที่เข้าใจแผนการเล่น 3-5-2, มีความฟิตสูง, วินัยดี และมีทัศนคติเข้ากับระบบการเล่นเป็นทีม มากกว่าจะซื้อซูเปอร์สตาร์
การดึงตัวเป้าหมายอย่าง เบลลาโนวา, บุยโนร์โน หรือแม้แต่ชื่ออย่าง ดาร์วิน นูเญซ จึงไม่ใช่เพียงการซื้อนักเตะฝีเท้าดี แต่เป็นการเสริมให้เหมาะสมกับยุทธศาสตร์ระยะยาวของสโมสร
เสริมทีมเร็ว ไม่รอเดดไลน์
อีกหนึ่งลักษณะของการเสริมทีมแบบรัดกุม คือการไม่พึ่ง “ตลาดเดดไลน์เดย์” นาโปลีมักจะพยายามปิดดีลให้เร็วที่สุดในช่วงต้นตลาด เพื่อให้ผู้เล่นใหม่ได้ปรับตัว และโค้ชมีเวลาสร้างทีมอย่างเต็มที่
นี่คือกลยุทธ์ที่ต่างจากหลายทีมที่หวังปิดดีลนาทีสุดท้าย ซึ่งเสี่ยงต่อการได้ตัวไม่ตรงตามแผน หรือทำให้ผู้เล่นปรับตัวไม่ทัน
ความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืน
ในยุคที่สโมสรฟุตบอลมากมายยังคงเดินหน้าทุ่มงบแบบไม่มีลิมิต นาโปลีคือภาพสะท้อนของความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืน พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่ง แต่ใช้มันอย่างชาญฉลาดและมีเป้าหมาย
ด้วยกลยุทธ์เสริมทัพแบบรัดกุมเช่นนี้ ทำให้นาโปลีไม่เพียงแค่คว้าแชมป์ได้ในปัจจุบัน แต่ยังมีแนวโน้มจะเป็นทีมที่มั่นคงในระยะยาว และเป็นต้นแบบให้กับสโมสรอื่น ๆ ทั่วยุโรป
เพราะในโลกฟุตบอลยุคใหม่ ความฉลาดทางกลยุทธ์ อาจสำคัญกว่าจำนวนเงินในบัญชีธนาคาร